วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

สรุป


 สภาวะการการเรียนการสอนพื้นฐานการเรียนการสอนปกติจะรวมอยู่ในการเรียนการสอนทุกประเภทประกอบด้วยบทนำการนำเสนอการทดสอบตามเกณฑ์การปฏิบัติในถ้ำกลางระหว่างภาคเรียนและการแนะนำการนำให้ข้อมูลป้อนกลับ
 ความต้องการทิดสะดีการเรียนการสอนทฤษฎีการเรียนการสอนเป็นประโยชน์กับการผลิตครูในการที่จะให้คำตอบกูจะสอนอะไรและผู้เรียนเรียนอะไรได้อย่างไรครูจะต้องรู้ว่าจะจัดการต่อพฤติกรรมของตนเองที่มีผลต่อการเรียนของนักเรียนอย่างไรธรรมชาติของคดีการเรียนการสอนวิธีการเรียนรู้และคดีพัฒนาการมีความสัมพันธ์กับสัสดีการเรียนการสอนทฤษฎีการเรียนการสอนมีลักษณะสำคัญ 4 ประการ
  1.   การชี้เฉพาะประสบการณ์ซึ่งถูกฝังลมเฉพาะบุคคลให้โอนเอียงสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
  2.   ชี้เฉพาะพิธีการจัดสร้างองค์ความรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความพร้อมที่สุดในการ   ตักตวงความรู้
  3.   ชี้เฉพาะขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการนำเสนอสิ่งที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้
  4.   ควรชี้เฉพาะธรรมชาติและช่วงก้าวของการให้รางวัลและการลงโทษในขบวนการของการเรียนรู้และการสอน

 สถิติการเรียนการสอนที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มีอยู่มากเช่นชุดสกีการของกาเย่และบริกส เมอร์ริสไรเกรุทของเคสและลันดา ในการเรียนการสอนต้องพิจารณาคุณลักษณะของผู้เรียนใช้การสอนสไลด์การเรียนรู้แบบจำลองการสอนทักษะการสอนสมรรถภาพโดยทั่วไปการจัดการเรียนรู้การสอนและการนำเสนอการเรียนการสอนหลักการเรียนรู้ในบทนี้เป็นขบวนการนำเสนอสารสนเทศข้อความจริงมโนทัศน์และหลักการของกูเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ประกอบด้วยการแนะนำบทเรียนการนำเสนอเนื้อหาใหม่และบาร์และการฝึกปฏิบัติ
 การวิจัยการเรียนรู้เป็นการวิจัยที่ตัดสินว่าเงื่อนไขอะไรที่ทำให้มีการเรียนรู้เพิ่มขึ้นด้วยการสำรวจการศึกษาพฤติกรรมและการให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการทดลอง
 ความเข้าใจผู้เรียนและการเรียนรู้การเรียนรู้มีขอบเขต 4 ด้านด้านพุทธิพิสัยด้านจิตพิสัยด้านทักษะพิสัยและด้านสังคมพิสัยองค์ประกอบของการเรียนรู้ประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 5 อย่างคือตัวผู้เรียนบทเรียนวิธีการเรียน การถ่ายโอนการเรียนรู้และองค์ประกอบจากสิ่งแวดล้อมต่างๆองค์ประกอบที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของมนุษย์มี 2 ด้านคือ ด้านสติปัญญาและด้านที่ไม่ใช้สติปัญญา
 การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเป็นการเรียนการสอนที่มุ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงการเรียนรู้อย่างมีความสุขได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพรอบด้านมีความสมดุลมีทักษะการแสดงแสวงหาความรู้และสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงเช่นการเรียนรู้สถานการณ์จริงนักการศึกษาที่เป็นผู้คิดค้นและใช้คำว่าผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเป็นคนแรกคือ คาร์ลอาร์โรเจอร์
 รูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์การเช่นการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวนการเรียนรู้การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมการเรียนรู้แบบโครงสร้างการเรียนรู้กระบวนการทางสติปัญญาการเรียนรู้โดยใช้แผนการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้การขบวนการทำวิจัยการเรียนรู้แบบค้นคว้าเป็นกลุ่มการเรียนรู้แบบความคิดรวบยอดการเรียนรู้โดยค้นพบการเรียนรู้แบบเป็นศูนย์การเรียนการเรียนรู้แบบร่วมมือ
          วิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเช่นการเรียนรู้โดยใช้เกมการศึกษาสถานการณ์จำลองกรณีตัวอย่างบทบาทสมมุติการแก้ปัญหาโปรแกรมสำเร็จรูป ศูนย์การเรียนชุดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโครงงานการทดสอบ การถามและตอบ การอภิปรายกลุ่มย่อยการแก้ปัญหาสมการการสืบสวนสอบสวนกลุ่มสืบค้นความรู้กลุ่มสัมพันธ์ความคิดรวบยอดการแก้ปัญหาตามอริยสัจ 4

9. รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการจัดการเรียนรู้การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง



 รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการ
จัดการเรียนรู้การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
 ในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมีรูปแบบการเรียนรู้วิธีการและการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายคือรูปแบบการเรียนรู้หลากหลายเช่นการเรียนรู้แบบสืบสวนการเรียนรู้การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมการเรียนรู้แบบโครงงานการเรียนรู้แบบกระบวนทางการปัญญาการเรียนรู้โดยใช้แผนการออกแบบประสบการณ์วิธีการจัดการเรียนรู้การสอนที่หลากหลายเช่นการศึกษาเกมสถานการณ์จำลองกรณีตัวอย่างบทบาทสมมุติการแก้ปัญหาโปรแกรมสำเร็จรูปศูนย์การเรียนชุดการเรียนคอมพิวเตอร์

8.การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง



 การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

               การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางหรือการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเป็นการเรียนรู้ที่มุ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงเรียนรู้อย่างมีความสุขได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพรอบด้านสมดุลหรืออีกหนึ่งว่าการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางหมายถึงการสอนที่มุ่งจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิตเหมาะกับความสามารถและความสนใจของผู้เรียนตัวให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติทุกขั้นตอนจนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองหรืออาจกล่าวได้ว่าเช่นกันว่าหมายถึงผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงเรียนอย่างมีความสุข

7. ความเข้าใจผู้เรียนและการเรียนรู้


ความเข้าใจผู้เรียนและการเรียนรู้
               การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ถาวรเนื่องจากการฝึกปฏิบัติหรือประสบการณ์การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการคือ ประการแรกความสามารถของผู้เรียน
ประการที่สองระดับของแรงจูงใจ และ ประการสุดท้ายธรรมชาติของภาระงานการเรียนรู้มีขบวนการ ดังนี้ คือ
1. แรงจูงใจภายในทำให้ผู้เรียนรับความคิดง่าย
2. เป้าประสงค์ทำให้มีความสำคัญได้ถึงความต้องการจำเป็นในสิ่งที่เรียน
3. ผู้เรียนแสวงหาวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา        
4. ผลของความก้าวหน้าจากการเลือกแก้ปัญหาที่ลดความตึงเครียด
5. การขจัดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
จิตพิสัย
 การเรียนรู้ทางเจคติพาดพิงถึงคุณลักษณะอาการของอารมณ์การเรียนรู้เกี่ยวข้องการว่านักเรียนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนรู้รู้สึกอย่างไรกับการเรียนรู้กับตนเองและเป็นการพิจารณาความสนใจความซาบซึ้ง เจ คติค่านิยมและคุณลักษณะของผู้เรียน
 ทักษะพิสัย
เกี่ยวข้องกับทางร่างกายหรือทักษะทางประสาทและกล้ามเนื้อสัมพันธ์กันในการเฝ้าดูการเรียนรู้ที่จะเดินก็จะเกิดความคิดว่ามนุษย์เรียนรู้ทักษะการคล่องแคล่วการเคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อเด็กได้รับความคิดว่าต้องการอะไรและมีทักษะที่ต้องมีก่อนมีความแข็งแรงและวุฒิภาวะ และอื่นๆ
 สังคมพิสัย
ที่ใสมีความใกล้เคียงและสัมพันธ์กับจิตพิสัยและเกี่ยวข้องกับการปรับตัวของบุคคลและทักษะการปฏิบัติสัมพันธ์ทางสังคม ซิงเกอร์ และคิดได้สรุปสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสังคมที่ใส่ไว้ 4 ประการดังนี้คือประการแรกความประพฤติการปฏิบัติ ประการที่ 2 ความมั่นคงทางอารมณ์ประการที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและประการสุดท้ายการรู้จักเติมเต็มตนให้สมบูรณ์

6. การวิจัยการเรียนรู้



 การวิจัยการเรียนรู้

               การวิจัยการเรียนรู้ผู้ออกแบบการเรียนรู้การสอนเฝ้าดูงานวิจัยที่จัดสิทธิ์ตัดสินใจว่าเงื่อนไขจะทำอะไรที่ทำให้มีการเรียนรู้เพิ่มขึ้นในฐานะการที่คล้ายคลึงกับตนเผชิญอยู่นักวิทยาศาสตร์พฤติกรรมได้ใช้วิธีการศึกษาพฤติกรรมด้วยการสังเกตบุคคลภายใน สถานที่กรณีหากหลากหลายด้วยการตั้งคำถามลึกๆเกี่ยวกับประสบการณ์ที่มีการสำรวจประชากรกลุ่มใหญ่เพื่อที่จะตัดสินใจได้ว่าประชาชนเหล่านั้นชอบหรือไม่ชอบนักออกแบบสร้างและใช้แบบทดสอบสำหรับความสามารถและคุณลักษณะของ คนจำนวนมากแต่สิ่งสำคัญที่สุด และเป็นการให้ผลต่อการศึกษาการเรียนรู้คือ การทดสอบ ซึ่งนักวิจัยระมัดระวังและควบคุมการศึกษาสาเหตุ และผลที่ได้รับ

5. หลักการเรียนรู้


หลักการเรียนรู้
            การเรียนการสอนเป็นการทำให้ผู้เรียนมีความตั้งใจต่อภาระงานเป็นการจูงใจผู้เรียนด้วยการอธิบายประโยชน์ของตามจุดประสงค์ แปลโยงความสัมพันธ์ของการเรียนรู้ใหม่ๆเข้ากันจากการเรียนรู้เดิมการจัด การนำเสนอนี้จะมูกให้เห็นเหตุการณ์และระหว่างมีการนำสารสนเทศเข้ามาก็ผ่านสิ่งมโนทัศน์หลักการหรือวิธีการไปสู่นักเรียนข้อกำหนดของการนำเสนอจะมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับแบบของการเรียนรู้ที่จะประสบผลสำเร็จและระดมพฤติกรรมความพร้อมที่จะรับการสอนของผู้เรียน
 การแนะนำบทเรียน
การแนะนำบทเรียนเป็นกิจกรรมเริ่มแรกของกระบวนการเรียนการสอนคือทำให้ผู้ตั้งใจเรียนและผู้เรียนเตรียมพร้อมไปสู่การปฏิบัติในการแนะนำบทเรียนควรอธิบายจุดประสงค์ของการเรียนการสอน
 การนำเสนอเนื้อหาใหม่
เมื่อมีการเรียนรู้ใหม่บทเรียนควรนำเสนอข้อความจริงมโนทัศน์และกรดหรือพรรณนาสาธิตทักษะการนำเสนอเนื้อหาใหม่ๆ ให้จดจำได้ง่ายควรนำเสนออย่างมีลำดับมีแบบของโครงสร้างจะทำให้มีความหมายต่อผู้เรียนการจัดสานสนเทศแทรกซ้อนไม่เป็นที่ต้องการและกระจัดเนื้อหาที่สับสนออกไปไม่เกี่ยวข้องออกไปจากการเรียน
 การฝึกปฏิบัติ
การฝึกปฏิบัติการเรียนรู้เป็นกระบวนการการตื่นตัวและมีประสิทธิภาพมากเมื่อผู้เรียนได้มีการผลิตมีการปฏิบัติหรือมีการพยายามใช้มือกับภาระการงานที่ได้เรียนรู้การฝึกปฏิบัติเป็นส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและช่วยเร่งการเรียนรู้ช่วยให้จดจำได้นานและให้ความสะดวกในการระลึกได้
 การปฏิบัติที่เปิดเผยหรือไม่เปิดเผย
การปฏิบัติอาจเป็นได้ทั้งการตรวจตอบสนองอย่างเปิดเผยและไม่เปิดเผยการตอบสนองแบบเปิดเผยเช่นการเขียนคำตอบการแสดงวิธีการการกล่าวคำหรือวลีซึ่งเป็นสิ่งที่สังเกตได้ส่วนการตอบสนองได้เปิดเผยเช่นการคิดคำตอบการปฏิบัติทางสมองสมองเกี่ยวกับโซ่ของคำพูดที่จะออกมาเป็นคำบรรยายหรือท่องปักษ์ใต้หรือความเงียบในการเลือกคำตอบที่ถูกต้องจากการเลือกต่างๆขบวนการเหล่านี้ซึ่งสังเกตไม่ได้
 ตารางการฝึกปฏิบัติโดยทั่วไปอย่างผู้เรียนมีโอกาสตอบสนองมากเท่าไรการเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นโอกาสในการฝึกปฏิบัติไม่ควรจะมากในช่วงเวลาเดียวการท่องหนังสือเพียงการสอบเป็นตัวอย่างการปฏิบัติที่มีมากในครั้งเดียวการทอดหนังสือหรืออาจให้ผลในการทำงานแบบทดสอบได้คะแนนสูงแต่อาจลืมเนื้อหาวิชาได้อย่างรวดเร็วในการที่จะคงทนความจำในเนื้อหาวิชาไว้นานควรฝึกปฏิบัติควรกระจ่างไปตามช่วงเวลานั้นทั้งหมดและมีช่วงเวลาการพัก ระหว่างช่วงด้วย จำเป็นสำหรับการเรียนรู้เรื่องยาวๆและจำเป็นสำหรับภาระงานและทักษะที่ยาก

 การปฏิบัติเชิงเปลี่ยนแปลง
 เป็นสะพานข้ามช่องระหว่าง พฤติกรรมระดับความพร้อมที่จะรับการสอนและการปฏิบัติตามเกณฑ์หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นการเรียนรู้ที่เพิ่มจากระดับความพร้อมที่จะรับการสอนไปถึงเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติให้ได้เป็นความตั้งใจที่จะจัดเตรียมผู้เรียนล่วงหน้าในการเรียนรู้ด้วยสถานการณ์ ที่ผู้เรียนสามารถจะรับได้

4. ทฤษฎีการเรียนการสอน


ทฤษฎีการเรียนการสอน
 มีทฤษฎีการเรียนการสอนที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มากมายซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเพียง 4 ทฤษฏีซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันคือทฤษฎีการเรียนการสอนของกาเย่และบริกส์ทฤษฎีการเรียนการสอนของเมอร์ริลและไรเกลุททฤษฎีการเรียนกาสอนของเคสและทฤษฎีการเรียนการสอนของลันดา
 การพิจารณาคุณลักษณะของผู้เรียน
 การวิเคราะห์ภาระงานและการเรียนการสอนแล้วนั้นจะพบว่าการพิจารณาคุณลักษณะของผู้เรียนต้องอาศัยความรู้ที่มีอยู่ของผู้เรียนหรือความรู้เดิมซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจวางแผนการเริ่มต้นของโปรแกรมการเรียนการสอนมีใหม่ในที่นี้จะได้กล่าวถึงการประมวลสารสาระทาง ทักษะของผู้เรียน ซึ่งจะสัมพันธ์กับการออกแบบสิ่งแวดล้อมของการเรียน
 สไลด์การสอน
 สไลด์หรือลีลาการสอนเป็นการแสดงคุณค่าของครู แต่ละคน เป็นปัจจัยส่วนบุคคลที่ทำให้ครูคนนึงแตกต่างกันไปจากครูคนอื่นๆประกอบด้วยการแต่งกายภาษา เสียง กริยาท่าที ระดับพลัง การแสดงออกทางสีหน้าแรงจูงใจความสนใจในบุคคลอื่นความสามารถในการแสดงออกในการสอน

  การมุ่งงาน
ผู้จะกำหนดสิ่งต่างๆการเรียนรู้และการบอกถึงความต้องการในการปฏิบัติงานของนักเรียน การเรียนที่จะประสบผลสำเร็จอาจจะเฉพาะเจาะจงไปที่พื้นฐานของนักเรียนแต่ละคนและมีระบบที่จะให้นักเรียนแต่ละคนเป็นไปตามความคาดหวังอย่างชัดเจนน้ำมันคง
 การวางแผนการร่วมมือกัน
กู้ร่วมกันวางแผนวิธีการและจุดมุ่งหมายปลายทางของการเรียนการสอนด้วยความร่วมมือของนักเรียนครูไม่เพียงแต่จะรับความคิดเห็นเท่านั้นแต่กูต้องกระตุ้นให้การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของนักเรียนทุกระดับชั้นด้วย
การให้นักเรียนเป็นจุดศูนย์กลาง
 ครูจัดหาเตรียม โครงสร้างต่างๆสำหรับนักเรียนที่เพียงให้ติดตามแสวงหาความรู้ตามที่ต้องการหรือตามความสนใจอะไรแบบนี้ไม่เพียงแต่จะพบว่ามีน้อยแต่เกิดจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการไปเป็นไปตามที่คาดหวังเพราะว่าฉันเรียนที่มีอัตราส่วนระหว่างนักเรียนกับครูและนักเรียนกับสิ่งแวดล้อมในความรับผิดชอบจะกระตุ้นส่งเสริมความสนใจของนักเรียนบางคนและทำให้นักเรียนบางคนเกิดความท้อแท้ในใจโดยอัตโนมัติ
 การให้เนื้อหาเป็นเป็นศูนย์กลาง
 วิธีการนี้ครูจะเน้นไปที่เนื้อหาที่จัดไว้ดีแล้ว โดยกับผู้เรียนออกไป และเนื้อหาวิชาที่จัดนั้นควบคุมรายวิชาครูจะพึงพอใจแม้ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นน้อย
 การให้การเรียนรู้เป็นศูนย์กลาง
 วิธีการมีคู่จะให้ความสำคัญเท่าเท่ากันระหว่างนักเรียนและจุดประสงค์ของหลักสูตร ตลอดจนสิ่งที่จะใช้ในการเรียนรู้จะปฏิเสธการเรียนอย่างมากเกินไปทั้งในด้านการให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและการให้เนื้อหาเป็นศูนย์กลางแทนการช่วยเหลือนักเรียนโดยไม่คำนึงว่านักเรียนมีความสามารถหรือไม่มีความสามารถ


4.1 ทฤษฎีการเรียนการสอนของกาเยและบริกส์

ภาพ รูปแบบการสอนของ Robert Gagne

โรเบิร์ต กาเย่ (Robert Gange') ได้นำเอาแนวแนวความคิด 9 ประการ มาใช้ประกอบการเรียนการสอน  โดยยึดหลักการนำเสนอเนื้อหาและจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ หลักการสอนทั้ง 9 ประการได้แก่
1. เร่งเร้า กระตุ้น และดึงดูดความสนใจ (Gain Attention)  ของผู้เรียน เป็นการช่วยให้ผู้เรียนสามารถรับสิ่งเร้า หรือสิ่งที่จะเรียนรู้ได้ดี
2. บอกวัตถุประสงค์ (Specify Objective)  ของบทเรียนให้ผู้เรียนทราบ เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้รับรู้ความคาดหวัง
3. ทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knowledge)  หรือการกระตุ้นให้ระลึกถึงความรู้เดิม  เป็นการช่วยให้ผู้เรียนดึงข้อมูลเดิมที่อยู่ในหน่วยความจำระยะยาวให้มาอยู่ในหน่วยความจำเพื่อการใช้งาน (working memory) ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ หรือสิ่งเร้าใหม่ (Present New Information)  ผู้สอนควรจะจัดสิ่งเร้าให้ผู้เรียนเห็นลักษณะสำคัญของสิ่งเร้านั้นอย่างชัดเจน  เพื่อความสะดวกในการเลือกรับรู้ของผู้เรียน
5. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning)  หรือการจัดระบบข้อมูลให้มีความหมาย  เพื่อช่วยให้ ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจกับสาระที่เรียนได้ง่ายและเร็วขึ้น
6. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response)  หรือกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความสามารถ  เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสตอบสนองต่อสิ่งเร้าหรือสาระที่เรียน  ซึ่งจะช่วยให้ทราบถึงการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในตัว ผู้เรียน
7. ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback)  เป็นการให้การเสริมแรงแก่ผู้เรียน  และข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้เรียน
8. การประเมินผลการแสดงออก (Assess Performance) ของผู้เรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนทราบว่าตนเองสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้มากน้อยเพียงใด
9. สรุปและนำไปใช้ (Review and Transfer)  เป็นการส่งเสริมความคงทนและการถ่ายโอนการเรียนรู้ โดยการให้โอกาสผู้เรียนได้มีการฝึกฝนอย่างพอเพียง และในสถานการณ์ที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้     ผู้เรียนเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น  และสามารถถ่ายโอนการเรียนรู้ไปสู่สถานการณ์อื่น ๆ ได้
โดยในแต่ประการจะมีรายละเอียด ดังนี้
1. เร่งเร้าความสนใจ (Gain Attention) ก่อนที่จะเริ่มการนำเสนอเนื้อหาบทเรียน ควรมีการจูงใจและเร่งเร้าความสนใจให้ผู้เรียนอยากเรียน ดังนั้น บทเรียนคอมพิวเตอร์  จึงควรเริ่มด้วยการใช้ภาพ แสง สี เสียง หรือใช้สื่อประกอบกันหลายๆ อย่าง โดยสื่อที่สร้างขึ้นมานั้นต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาและน่าสนใจ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อความสนใจของผู้เรียน นอกจากเร่งเร้าความสนใจแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนพร้อมที่จะศึกษาเนื้อหาต่อไปในตัวอีกด้วย
2. บอกวัตถุประสงค์ (Specify Objective) วัตถุประสงค์ของบทเรียน นับว่าเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อกระบวนการเรียนรู้ ที่ผู้เรียนจะได้ทราบถึงความคาดหวังของบทเรียนจากผู้เรียน นอกจากผู้เรียนจะทราบถึงพฤติกรรมขั้นสุดท้ายของตนเองหลังจบบทเรียนแล้ว จะยังเป็นการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงประเด็นสำคัญของเนื้อหา รวมทั้งเค้าโครงของเนื้อหาอีกด้วย การที่ผู้เรียนทราบถึงขอบเขตของเนื้อหาอย่างคร่าวๆจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถผสมผสานแนวความคิดในรายละเอียดหรือส่วนย่อยของเนื้อหาให้สอดคล้องและสัมพันธ์กับเนื้อหา
ในส่วนใหญ่ได้ ซึ่งมีผลทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากจะมีผลดังกล่าวแล้ว ผลการวิจัยยังพบด้วยว่า ผู้เรียนที่ทราบวัตถุประสงค์ของการเรียนก่อนเรียนบทเรียน จะสามารถจำและเข้าใจในเนื้อหาได้ดีขึ้นอีกด้วย
3. ทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knowledge) การทบทวนความรู้เดิมก่อนที่จะนำเสนอความรู้ใหม่แก่ผู้เรียน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาวิธีการประเมิน ความรู้ที่จำเป็นสำหรับบทเรียนใหม่ เพื่อไม่ให้ผู้เรียนเกิดปัญหาในการเรียนรู้ วิธีปฏิบัติโดยทั่วไปสำหรับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็คือ การทดสอบก่อนบทเรียน (Pre-test) ซึ่งเป็นการประเมินความรู้ของผู้เรียน เพื่อทบทวนเนื้อหาเดิมที่เคยศึกษาผ่านมาแล้ว และเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเนื้อหาใหม่ นอกจากจะเป็นการตรวจวัดความรู้พื้นฐานแล้ว บทเรียนบางเรื่องอาจใช้ผลจากการทดสอบก่อนบทเรียนมาเป็นเกณฑ์จัดระดับความสามารถของผู้เรียน เพื่อจัดบทเรียนให้ตอบสนองต่อระดับความสามารถของผู้เรียน เพื่อจัดบทเรียนให้ตอบสนองต่อระดับความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตาม ในขั้นการทบทวนความรู้เดิมนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการทดสอบเสมอไป หากเป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่สร้างขึ้นเป็นชุดบทเรียนที่เรียนต่อเนื่องกันไปตามลำดับ การทบทวนความรู้เดิม อาจอยู่ในรูปแบบของการกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดย้อนหลังถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ก็ได้ การกระตุ้นดังกล่าวอาจแสดงด้วยคำพูด คำเขียน ภาพ หรือผสมผสานกันแล้วแต่ความเหมาะสม ปริมาณมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหา ตัวอย่างเช่น การนำเสนอเนื้อหาเรื่องการต่อตัวต้านทานแบบผสม ถ้าผู้เรียนไม่สามารถเข้าใจวิธีการหาความต้านทานรวม กรณีนี้ควรจะมีวิธีการวัดความรู้เดิมของผู้เรียนก่อนว่ามีความเข้าใจเพียงพอที่จะคำนวณหาค่าต่างๆ ในแบบผสมหรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องมีการทดสอบก่อน ถ้าพบว่าผู้เรียนไม่เข้าใจวิธีการคำนวณ บทเรียนต้องชี้แนะให้ผู้เรียนกลับไปศึกษาเรื่องการต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและแบบขนานก่อน หรืออาจนำเสนอบทเรียนย่อยเพิ่มเติมเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการทบทวนก่อนก็ได้
4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present New Information) หลักสำคัญในการนำเสนอเนื้อหาของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็คือ ควรนำเสนอภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ประกอบกับคำอธิบายสั้นๆ ง่าย แต่ได้ใจความ การใช้ภาพประกอบ จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น และมีความคงทนในการจำได้ดีกว่าการใช้คำอธิบายเพียงอย่างเดียว โดยหลักการที่ว่า ภาพจะช่วยอธิบายสิ่งที่เป็นนามธรรมให้ง่ายต่อการรับรู้ แม้ในเนื้อหาบางช่วงจะมีความยากในการที่จะคิดสร้างภาพประกอบ แต่ก็ควรพิจารณาวิธีการต่างๆ ที่จะนำเสนอด้วยภาพให้ได้ แม้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็ยังดีกว่าคำอธิบายเพียงคำเดียว อย่างไรก็ตามการใช้ภาพประกอบเนื้อหาอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร หากภาพเหล่านั้นมีรายละเอียดมากเกินไป ใช้เวลามากไปในการ
ปรากฏบนจอภาพ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ซับซ้อน เข้าใจยาก และไม่เหมาะสมในเรื่องเทคนิคการออกแบบ เช่น ขาดความสมดุล องค์ประกอบภาพไม่ดี เป็นต้น
5. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning) ตามหลักการและเงื่อนไขการเรียนรู้ (Condition of Learning) ผู้เรียนจะจำเนื้อหาได้ดี หากมีการจัดระบบการเสนอเนื้อหาที่ดีและสัมพันธ์กับประสบการณ์เดิมหรือความรู้เดิมของผู้เรียน บางทฤษฎีกล่าวไว้ว่า การเรียนรู้ที่กระจ่างชัด (Meaningful Learning) นั้น ทางเดียวที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือการที่ผู้เรียนวิเคราะห์และตีความในเนื้อหาใหม่ลงบนพื้นฐานของความรู้และประสบการณ์เดิม รวมกันเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ ดังนั้น หน้าที่ของผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในขั้นนี้ก็คือ พยายามค้นหาเทคนิคในการที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนนำความรู้เดิมมาใช้ในการศึกษาความรู้ใหม่ นอกจากนั้น ยังจะต้องพยายามหาวิถีทางที่จะทำให้การศึกษาความรู้ใหม่ของผู้เรียนนั้นมีความกระจ่างชัดเท่าที่จะทำได้ เป็นต้นว่า การใช้เทคนิคต่างๆ เข้าช่วย ได้แก่ เทคนิคการให้ตัวอย่าง (Example) และตัวอย่างที่ไม่ใช่ตัวอย่าง (Non-example) อาจจะช่วยทำให้ผู้เรียนแยกแยะความแตกต่างและเข้าใจมโนคติของเนื้อหาต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ผู้ออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียอาจใช้วิธีการค้นพบ (Guided Discovery) ซึ่งหมายถึง การพยายามให้ผู้เรียนคิดหาเหตุผล ค้นคว้า และวิเคราะห์หาคำตอบด้วยตนเอง โดยบทเรียนจะค่อยๆ ชี้แนะจากจุดกว้างๆ และแคบลงๆ จนผู้เรียนหาคำตอบได้เอง นอกจากนั้น การใช้คำอธิบายกระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิด ก็เป็นเทคนิคอีกประการหนึ่งที่สามารถนำไปใช้ในการชี้แนวทางการเรียนรู้ได้ สรุปแล้วในขั้นตอนนี้ผู้ออกแบบจะต้องยึดหลักการจัดการเรียนรู้ จากสิ่งที่มีประสบการณ์เดิมไปสู่เนื้อหาใหม่ จากสิ่งที่ยากไปสู่สิ่งที่ง่ายกว่า ตามลำดับขั้น
6. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response) นักการศึกษากล่าวว่า การเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับระดับและขั้นตอนของการประมวลผลข้อมูล หากผู้เรียนได้มีโอกาสร่วมคิด ร่วมกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวกับเนื้อหา และร่วมตอบคำถาม จะส่งผลให้มีความจำดีกว่าผู้เรียนที่ใช้วิธีอ่านหรือคัดลอกข้อความจากผู้อื่นเพียงอย่างเดียว บทเรียนคอมพิวเตอร์ มีข้อได้เปรียบกว่าโสตทัศนูปการอื่นๆ เช่น วิดิทัศน์ ภาพยนตร์ สไลด์ เทปเสียง เป็นต้น ซึ่งสื่อการเรียนการสอนเหล่านี้จัดเป็นแบบปฏิสัมพันธ์ไม่ได้ (Non-interactive Media) แตกต่างจากการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผู้เรียนสามารถมีกิจกรรมร่วมในบทเรียนได้หลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม แสดงความคิดเห็น เลือกกิจกรรม และปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน กิจกรรมเหล่านี้เองที่ไม่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อมีส่วนร่วม ก็มีส่วนคิดนำหรือติดตามบทเรียน ย่อมมีส่วนผูกประสานให้ความจำดีขึ้น
7. ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback) ผลจากการวิจัยพบว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะกระตุ้นความสนใจจากผู้เรียนได้มากขึ้น ถ้าบทเรียนนั้นท้าทาย โดยการบอกเป้าหมายที่ชัดเจน และแจ้งให้ผู้เรียนทราบว่าขณะนั้นผู้เรียนอยู่ที่ส่วนใด ห่างจากเป้าหมายเท่าใด การให้ข้อมูลย้อนกลับดังกล่าว ถ้านำเสนอด้วยภาพจะช่วยเร่งเร้าความสนใจได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าภาพนั้นเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน อย่างไรก็ตาม การให้ข้อมูลย้อนกลับด้วยภาพ หรือกราฟฟิกอาจมีผลเสียอยู่บ้างตรงที่ผู้เรียนอาจต้องการดูผล ว่าหากทำผิด แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตัวอย่างเช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกมการสอนแบบแขวนคอสำหรับการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ผู้เรียนอาจตอบโดยการกดแป้นพิมพ์ไปเรื่อยๆ   โดยไม่สนใจเนื้อหา เนื่องจากต้องการดูผลจากการแขวนคอ วิธีหลีกเลี่ยงก็คือ เปลี่ยนจากการนำเสนอภาพ ในทางบวก เช่น ภาพเล่นเรือเข้าหาฝั่ง ภาพขับยานสู่ดวงจันทร์ ภาพหนูเดินไปกินเนยแข็ง เป็นต้น ซึ่งจะไปถึงจุดหมายได้ด้วยการตอบถูกเท่านั้น หากตอบผิดจะไม่เกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าเป็นบทเรียนที่ใช้กับกลุ่มเป้าหมายระดับสูงหรือ เนื้อหาที่มีความยาก การให้ข้อมูลย้อนกลับด้วยคำเขียนหรือกราฟจะเหมาะสมกว่า
8. ทดสอบความรู้ใหม่ (Assess Performance) การทดสอบความรู้ใหม่หลังจากศึกษาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรียกว่า การทดสอบหลังบทเรียน (Post-test) เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดสอบความรู้ของตนเอง นอกจากนี้จะยังเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ เพื่อที่จะไปศึกษาในบทเรียนต่อไปหรือต้องกลับไปศึกษาเนื้อหาใหม่ การทดสอบหลังบทเรียนจึงมีความจำเป็นสำหรับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทุกประเภท นอกจากจะเป็นการประเมินผลการเรียนรู้แล้ว การทดสอบยังมีผลต่อความคงทนในการจดจำเนื้อหาของผู้เรียนด้วย แบบทดสอบจึงควรถามแบบเรียงลำดับตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน ถ้าบทเรียนมีหลายหัวเรื่องย่อย อาจแยกแบบทดสอบออกเป็นส่วนๆ ตามเนื้อหา โดยมีแบบทดสอบรวมหลังบทเรียนอีกชุดหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ออกแบบบทเรียนต้องการแบบใด
9. สรุปและนำไปใช้ (Review and Transfer) การสรุปและนำไปใช้ จัดว่าเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนสุดท้ายที่บทเรียนจะต้องสรุปมโนคติของเนื้อหาเฉพาะประเด็นสำคัญๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทบทวนความรู้ของตนเองหลังจากศึกษาเนื้อหาผ่านมาแล้ว ในขณะเดียวกัน บทเรียนต้องชี้แนะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือให้ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม เพื่อแนะแนวทางให้ผู้เรียนได้ศึกษาต่อในบทเรียนถัดไป หรือนำไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นต่อไป
ทฤษฎีการเรียนของบริกส์
ความเหมาะสมของระบบการเรียนการสอน ในการประยุกต์ใช้ด้านการศึกษา เลสลี่ บริกส์ (Leslie Briggs) เป็นนักการศึกษาที่สําคัญในวงการออกแบบและพัฒนาระบบการเรียน การสอน ได้มีการดําเนินการออกแบบในแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูแบบการเลือกใช้ สื่อการสอน ซึ่งได้มีการวางแผนเพื่อนําเอานวัตกรรมมาเผยแพร่ด้วย ระบบการเรียนการสอนของ Briggs เหมาะสําหรับการออกแบบ การเรียนการสอนในระดับหน่วยวิชา หรือระดับโปรแกรมการเรียนรายวิชา ซึ่งถ้า สามารถดําเนินการตามคําแนะนําทุกขั้นตอนแล้ว การใช้ระบบของ Briggs จะได้ผลดีโดยเฉพาะ ในการพัฒนา โปรแกรมการเรียนการสอนรายวิชา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/95
4.2 ทฤษฎีการสอนของเมอร์ริลไรเกลท (Merrill - Reigelath) 
แสดงทัศนะว่าการสอนเป็นกระบวนการที่เสนอเป็นขั้นตอนที่ละเอียดและต่อเนื่อง ดังนี้
2.1 เลือกหัวข้อปฏิบัติทั้งหลายที่จะสอนด้วยการวิเคราะห์ภารกิจ
2.2 ตัดสินใจว่าจะสอนข้อภารกิจใดเป็นอันดับแรก
2.3 จัดลำดับก่อนหลังของข้อภารกิจที่เหลือ
2.4 ชี้บ่งเนื้อหาที่สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ
2.5 จัดเนื้อหาเข้าบทเรียนและจัดลำดับบทเรียน
2.6 จัดลำดับการสอนภายในบทเรียนต่าง ๆ
2.7 ออกแบบการสอนในแต่ละบทเรียน
4.3 ทฤษฎีการสอนของเคส (Case) 
ให้แนวคิดเกี่ยวกับการสอนด้านพฤติกรรมในระหว่างการสอนแต่ละขั้นของพัฒนาการทางสติปัญญานั้นขึ้นกับการเพิ่มความซับซ้อนของยุทธศาสตร์การคิด ผู้เรียนจะใช้ความคิดที่ซับซ้อนได้เมื่อได้รับประสบการณ์อย่างมีขั้นตอน การจัดการสอนลักษณะนี้จัดลำดับตามความมุ่งหมายของภารกิจที่จะเรียน จัดลำดับขั้นการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความมุ่งหมายนั้น ๆ โดยการเปรียบเทียบการคิดกับทักษะที่ผู้เรียนได้รับ มีการจัดระดับความสามารถและการปฏิบัติของผู้เรียน มีแบบฝึกหัดหรือตัวอย่างให้ผู้เรียนได้ศึกษา
  4. ทฤษฎีการสอนของลันดา (Landa) 
เป็นการดำเนินการสอนโดยใช้การจัดลำดับขั้นการแก้ปัญหาโดยบ่งชี้กิจกรรมการเรียนก่อนที่ผู้เรียนจะลงมือเรียน และจัดให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติการตามที่ได้ออกแบบไว้
      การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละครั้งผู้สอนมักนำทฤษฎีการสอนทั้ง 4 ประการมาประยุกต์ใช้ในการสอนของตน การจะเลือกใช้ทฤษฎีการสอนใดนั้นควรขึ้นกับจุดประสงค์รายวิชา จุดประสงค์การสอนและเนื้อหาการสอนแต่ละครั้งอาจใช้ทฤษฎีการสอนหลายประการผสมผสานกันก็ได้ และจากทฤษฎีการสอนนี้ครูอาจารย์ ผู้สอน วิทยากรที่มีหน้าที่สอน และให้มีการอบรมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อาจมองเห็นแนวทางที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับการสอนของตน

3. ธรรมชาติของทฤษฎีการเรียนการสอน



ธรรมชาติ ของทฤษฎีการเรียนการสอน

  ประการแรกทฤษฎีการเรียนการสอนควรชี้เฉพาะประสบการณ์ซึ่งถูกฝังเข็มเฉพาะบุคคลให้โอนเอียงสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพตัวอย่างเช่นความสัมพันธ์ชนิดใดที่มีโอกาสต่อโรงเรียนและต่อสิ่งต่างๆในสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนอนุบาลซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เด็กตั้งใจและสามารถเรียนรู้โดยเข้าโรงเรียน
 ประการแรก
ทฤษฎีการเรียนการสอนควรชี้เฉพาะประสบการณ์ซึ่งถูกฝังปุ่มเฉพาะบุคคลให้โอนเอียงสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพหรือเป็นการเรียนรู้ที่สุดหรือเป็นการเรียนรู้ชนิดพิเศษตัวอย่างเช่นความสัมพันธ์ชนิดใดที่มีโอกาสต่อโรงเรียนและสิ่งต่างๆในสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนอนุบาลซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เด็กตั้งใจและสามารถเรียนรู้เมื่อเข้าโรงเรียน
 ประการที่สอง
ทฤษฎีการเรียนการสอนต้องชี้เฉพาะวิธีการจัดโครงสร้างองค์ความรู้เพื่อให้เกิดความพร้อมที่สุดสำหรับผู้เรียนที่จะตักตวงความรู้นั้นความดีของโครงสร้างขึ้นอยู่กับพลังในการทำสารสนเทศให้มีความง่ายและให้การข้อความใหม่เพื่อนที่ต้องพิสูจน์และเพื่อเพิ่มการถ่ายเทองค์ความรู้มีอยู่เสมอที่โครงสร้างต้องสัมพันธ์กับสถานภาพและพรสวรรค์ของผู้เรียนด้วย
 ประการที่สาม
ซึ่งจะดีการเรียนการสอนควรชี้เฉพาะขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการนำเสนอสิ่งที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้ตัวอย่างเช่นผู้สอน คนนึงปรารถนาที่จะสอนโครงสร้างทฤษฎีฟิสิกส์สมัยใหม่เขาทำอย่างไรเขานำเสนอสาระที่เป็นรูปประธรรมก่อนด้วยวิธีการให้ตั้งคำถามเพื่อสืบค้นความจริงเกี่ยวกับทฤษฎีที่ผู้เรียนต้องนำไปซึ่ง ทำให้ง่ายขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับการนำเสนอกฎนี้อีกครั้งในภายหลัง

 ประการสุดท้าย
ทฤษฎีการเรียนรู้ควรชี้เฉพาะธรรมชาติและช่วง 9 ของการให้รางวัลและการลงโทษในขบวนการเรียนรู้และการสอนในขณะที่ขบวนการเรียนรู้มีจุดดีกว่าที่จะเปลี่ยนจากรางวัลภายนอกเช่นคำยกย่องสรรเสริญจากครูไปเป็นรางวัลภายในโดยธรรมชาติในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนสำหรับตนเองดังนั้นการให้รางวัลทันทีใดควรแทนที่ ด้วยรางวัลของการปฏิบัติตามหรืออนุโลมตาม อันตการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนแปลงจากรางวัลภายนอกไปสู่รางวัลภายใน

2. ความต้องการทางทฤษฎีการเรียนการสอน



ความต้องการที่ทฤษฏีการเรียนการสอน

          เป็นสิ่งจำเป็นที่จะผนวกเข้ากับทฤษฎีการเรียนรู้โดยไม่มีข้อโต้แย้งการพัฒนาชุดสดีการเรียนการสอนขาดความเอาใจใส่และเลยและเมื่อเปรียบเทียบกับทฤษฎีการเรียนรู้แล้วคดีการเรียนรู้เกือบจะไม่ได้รับการกล่าวถึงในผลการเรียนการเขียนซึ่งจะดีของนักจิตวิทยาเห็นได้จากบทคัดย่อทางจิตวิทยาจะเต็มไปด้วยพฤติกรรม ทางการเรียนรู้และการเรียนรู้ภายในโรงเรียนเป็นจำนวนมากและมีเพียงเล็กน้อยที่เกี่ยวกับการสอนและในส่วนที่มีนี้ยังรวมอยู่ภายใต้ความของบุคลากรทางการศึกษาอีกด้วยหรือในการทำรายงานทางจิตวิทยาประจำ ปีโดย ปกติจะมีบทที่ว่าด้วยการเรียนรู้นานๆครั้ง ครั้งจึงจะพบเรื่องของการสอนเพียงเล็กน้อยหนังสือทั้งเล่มหลายเล่มอุทิศให้กับการเรียนรู้มีหนังสือจำนวนน้อยที่เกี่ยวกับทฤษฎีการสอนอย่างกว้างขวางตำราจิตวิทยาการศึกษาจะให้เนื้อที่กับการอธิบายเกี่ยวกับการเรียนรู้และผู้เรียนมากกว่าวิธีการสอนและครูครูต้องรู้จักจะจัดการกับพฤติกรรมของตนเองซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างไรความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติในการอธิบายและการ ควบคุมการปฏิบัติการสอน

1. สภาวการณ์การเรียนการสอนพื้นฐานของการเรียนการสอนปกติ

สภาวการณ์การเรียนการสอนพื้นฐานของ
  การเรียนการสอนปกติ



บทนำ
          จะช้วยนำความตั้งใจของผู้เรียนไปสู้ภาระการงานการเรียนรู้ จูงใจผู้เรียนด้วยการอธิบายประโยนช์ของการประสบความสำเร็จตามจุดประสงค์

การนำเสนอ  
           เป็นการนำเสนอสารสนเทศ ข้อความจริง มโนทัศน์ หลักการหรืิวิธีการให้กับผุ้เรยนตามแบบของการเรียนรู้ที่จะให้ประสบความเสเร็จ

การทดสอบตามเกณฑ์ 
เป็นการวัดความสำเร็จของผู้เรียนตามจุดประสงค์ปลายทาง
 การปฏิบัติตามเกณฑ์
เกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นเดียวกับการทดสอบปลายภาคการทดสอบสุดท้ายโดยมีจุดประสงค์เพื่อการตัดสินใจผู้เรียนว่ามีความพร้อมที่จะสอบปลายภาคหรือมีความจำเป็นต้อง เรียนซ่อมเสริม
 การปฏิบัติในระหว่างเรียน
เป็นการออกแบบช่วยผู้เรียนให้สร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างปฏิบัติกับการแสดงว่ามีความพร้อมถึงระดับที่จะรับการสอนกับพฤติกรรมที่กำหนดโดยจุดประสงค์ปลายทางสิ่งสำคัญที่ควรจดจำเกี่ยวกับการปฏิบัติในระหว่างเรียนคือเป็นความเป็นการเตรียมตัวผู้เรียนเพื่อการแสดงออกซึ่งการปฏิบัติที่เป็นไปตามเกณฑ์
 การแนะนำ
เป็นการฝึกที่ฉับพลันที่ช่วยให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างถูกต้องในช่องต้นของการปฏิบัติพบว่าจะมีการช่วยเหลือมากและจะค่อยๆลดลงการช่วยเหลือจะอยู่ในช่วงปฏิบัติในระหว่างเรียนเท่านั้นส่วนในช่วงการปฏิบัติตามเกณฑ์ไม่ต้องช่วย
 การให้ข้อมูลป้อนกลับ
เป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการการปฏิบัติเพื่อที่จะบอกกับผู้เรียนว่าปฏิบัติถูกต้องหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องและจะปรับปรุงการปฏิบัตินั้นอย่างไรการปฏิบัติแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีข้อมูลป้อนกลับไม่เป็นเพียงสำหรับการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ

ความหมายของกลยุทธ์การเรียนการสอน

ความหมายของกลยุทธ์การเรียนการสอน

คำว่า “วิธีการสอน” “กลยุทธ์การสอน” และ”เทคนิคการสอน” ในบางครั้งมีการใช้ที่คล้ายคลึงกัน จนไม่สามารถบอกถึงคำจำกัดความที่ชัดเจนของแต่ละคำได้ เมื่อลองค้นคว้าถึงความหมายของคำหลักแต่ละคำพบว่า ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้ให้ความหมาย ไว้ดังนี้

         วิธีการ หมายถึง วิธีปฏิบัติตามหลักการขั้นตอนอย่างเป็นระบบ

         กลยุทธ์ หมายถึง วิธีการที่ต้องใช้กลอุบายต่างๆ,เล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้

      เทคนิค หมายถึง ศิลปะหรือกลวิธีเฉพาะวิชานั้นๆ

นอกจากนี้ ทิศนา  แขมมณี ยังได้ให้นิยามของวิธีการสอน และเทคนิคการสอน ดังนี้

        “วิธีการสอน คือ ขั้นตอนที่ผู้สอนดำเนินการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ด้วยวิธีการต่างๆ ที่แตกต่างไปตามองค์ประกอบและขั้นตอนสำคัญอันเป็นลักษณะเฉพาะหรือลักษณะเด่นที่ขาดไม่ได้ของวิธีนั้นๆ” (ทิศนา  แขมมณี, 2551 : 323)

        “เทคนิคการสอน หมายถึง กลวิธีต่างๆที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอน หรือการกระทำต่างๆ ในการสอนให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น” (ทิศนา  แขมมณี, 2551 : 386)

         ดังนั้น จากความหมาย และนิยามดังกล่าวข้างต้น จึงสรุปได้ว่า

วิธีการสอน จะเป็นขั้นตอนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์


เทคนิคการสอน เป็นวิธีการเสริมที่จะช่วยให้วิธีการสอนเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น

กลยุทธ์การสอน คือ วิธีการสอนที่ใช้เทคนิคการสอนมาช่วยในการจัดการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพ

และสรุปเป็นสมการได้ดังนี้

กลยุทธ์การสอน = วิธีการสอน + เทคนิคการสอน


โมเดลการทำความเข้าใจ

สรุป          จากภาพแสดงให้เห็นว่าความสำคัญของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพโดยการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติตนในทางที่ดีคือการเ...