การสอนแบบตั่งคำถาม
โดย ผศ.วันดี โตสุขศรี
ผู้ลิขิต อ.ธนิษฐา สมัย
การใช้คำถามเป็นเทคนิคสำคัญในการเสาะแสวงหาความรู้ที่มีประสิทธิภาพ เป็นกลวิธีการสอนที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะการคิด การตีความ การไตร่ตรอง การถ่ายทอดความคิด สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี การถามจึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ที่ช่วยให้ผู้เรียนสร้างความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาความคิดใหม่ ๆ โดยกระบวนการถามจะช่วยขยายทักษะการคิด ทำความเข้าใจให้กระจ่าง ได้ข้อมูลป้อนกลับทั้งด้านการเรียนการสอน ก่อให้เกิดการทบทวน การเชื่อมโยงระหว่างความคิดต่างๆ ส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นและเกิดความท้าทาย โดยบทบาทผู้เรียน จะเรียนรู้จากคิดเพื่อสร้างข้อคำถามและคำตอบด้วยตนเอง
แนวคิดของการใช้คำถามในการสอน
การถามคือ การบูรณาการเพื่อพัฒนาไปสู่การคิดไตร่ตรอง (Reflective Thinking) และโครงสร้างกระบวนการคิด ช่วยให้ผู้เรียนได้ไตร่ตรองความเข้าใจของตน และสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงการเรียนรู้ การคิด และการสอน
เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการทางความคิดของผู้เรียน โดยผู้สอนจะป้อนคำถามในลักษณะต่าง ๆ ที่เป็นคำถามที่ดี สามารถพัฒนาความคิดผู้เรียน ถามเพื่อให้ผู้เรียนใช้ความคิดเชิงเหตุผล วิเคราะห์ วิจารณ์ สังเคราะห์ หรือ การประเมินค่าเพื่อจะตอบคำถามเหล่านั้น
ขั้นตอนสำคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้คำถาม มีดังนี้
- ขั้นวางแผนการใช้คำถาม ผู้สอนควรจะมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้คำถามเพื่อวัตถุประสงค์ใด รูปแบบประการใดที่จะสอดคล้องกับเนื้อหาสาระและวัตถุประสงค์ของบทเรียน
- ขั้นเตรียมคำถาม ผู้สอนควรจะเตรียมคำถามที่จะใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการสร้างคำถามอย่างมีหลักเกณฑ์
- ขั้นการใช้คำถาม ผู้สอนสามารถจะใช้คำถามในทุกขั้นตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และอาจจะสร้างคำถามใหม่ที่นอกเหนือจากคำถามที่เตรียมไว้ก็ได้ ทั้งนี้ต้องเหมาะสมกับเนื้อหาสาระและสถานการณ์นั้นๆ
- ขั้นสรุปและประเมินผล
4.1 การสรุปบทเรียนผู้สอนอาจจะใช้คำถามเพื่อการสรุปบทเรียนก็ได้
4.2 การประเมินผล ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันประเมินผล การเรียนรู้ โดยใช้วิธีการประเมินผลตามสภาพจริง
แนวคิดการตั้งคำถามจากนพ.สุพจน์
- นักศึกษาชอบการสอนแบบใช้การถามกลุ่ม ให้ช่วยกันคิดหาคำตอบ ฝึกการคิดประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อให้ได้คำตอบ เมื่อนักศึกษาตอบถูก ขอให้ชม เมื่อนักศึกษาตอบไม่ได้ ไม่ควรให้การบ้าน เพราะนักศึกษาไม่ชอบการบ้าน นักศึกษารู้สึกเหมือนถูกทำโทษ
ตัวอย่าง ทำไมคนนี้เป็น pneumonia……..
- คำถามในชั้นปีสูงๆ ไม่เหมือนคำถามชั้นปีต้นๆ เพราะเป็นคำถามที่ต้องคิดประยุกต์ความรู้มาสร้างคำตอบ จึงควรใช้คำถามเรื่องที่สำคัญๆ ชวนให้คิด เรื่องความจำเล็กๆ น้อยๆ ไม่สำคัญมาก อาจารย์บอกได้ ก็ควรบอก
ตัวอย่าง เชื้อโรคอะไร ทำให้เป็น pneumonia
- คำถามไม่เคลียร์ --- case นี้ ยังไงดี ยังไงต่อ
แก้ไข......นักศึกษาเข้าใจคำถามหรือไม่
- คำถามเป็นชุด ---- คนนี้ตกลงว่าเป็นอะไร การรักษาเป็นอย่างไร การพยาบาลอย่างไร
แก้ไข......ขอให้ตั้งที่ละคำถาม
- จะตอบอย่างไรดี(ที่จะไม่บาดเจ็บ) ---- ชม เมื่อตอบถูก
ถ้าตอบไม่ถูก.....ทำไมคิดอย่างนั้น และอาจเฉลยคำตอบหรือถามต่อ โดยใช้คำถามเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานที่เรียนมาที่เชื่อมโยงกับคำถามแรก
*** ให้เวลานักศึกษาในการคิดคำตอบ อย่างน้อย 10 วินาที ***เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาส
- ทำความเข้าใจว่าอาจารย์ถามอะไร
- คาดหวังว่าอาจารย์ต้องการคำตอบอะไร
- คิดจริงจังว่าคำตอบคืออะไร (คำถามทางคลินิกไม่ได้มีคำตอบเดียว)
- จะตอบอย่างไรดี (ที่ตอบแล้วจะไม่บาดเจ็บ)
นักศึกษาไม่ตอบคำถาม ----- คำถามไม่เคลียร์ กลัว (จากบรรยากาศที่น่ากลัว
ประสบการณ์เดิมที่ไม่ดี ความเจ็บปวดในอดีต)
นักศึกษาตอบคำถาม ---- ชม เมื่อตอบถูก
ประสบการณ์เดิมที่ไม่ดี ความเจ็บปวดในอดีต)
นักศึกษาตอบคำถาม ---- ชม เมื่อตอบถูก
เทคนิคการสอนแบบใช้คำถาม
1. ทำบรรยากาศให้ดี เป็นมิตร ปลอดภัย
- ระวังบรรยากาศคุกคาม ----- ถูกอัด ถูกซอย กินตับ กินหัว ไม่ควรใช้ เป็น Painful learning, ควรใช้ meaningful learning
- เริ่มต้นการสอน บอกวิธีการสอน อาจารย์จะใช้การสอนแบบใช้คำถามเพื่อให้ตอบ ให้เกียรติผู้เรียน เรียกชื่อนักศึกษา
- ใช้ ASA (attentive, smile, acknowledge) = มองหน้าตั้งใจฟัง ยิ้มน้อยๆ ชมเมื่อตอบถูก (เก่งมากค่ะ ดีมากค่ะ เห็นด้วยค่ะ)
- เมื่อตอบผิด -- ทำไมคิดอย่างนั้น แก้ concept ที่ถูกต้อง
-- ให้ความเข้าใจว่า คำตอบทางคลินิก ไม่เคยมีคำตอบเดียว อาจมีมากกว่า 1
-- ให้คิดว่า ตอบผิด ดีกว่า ไม่ตอบ
2. เลือกคำถามที่ดี ---- ที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้
- เลือกคำถามปลายเปิด – ทำไม อย่างไร เพราะเหตุใด ให้นักศึกษาคิดคำตอบเอง
- แนะแนวการคิด guide โดยใช้คำถามที่นักศึกษาจะต้องนำความรู้พื้นฐาน (Basic Knowledge) มาประยุกต์
3. ใช้เทคนิคให้ดี
- ถามชัดเจน ไม่กำกวม
- เลือกคำถามกว้างๆ ปลายเปิด ---ทำอย่างไร
- ถามทีละ 1 คำถาม อย่าถามเป็นชุด
- ให้เวลาคิด 10 วินาที
- เทคนิค Pose – Pause – Pounce ตั้งคำถาม---- รอคำตอบ ---- ถ้าไม่ตอบ ถามระบุคน
คำถามที่ควรหลีกเลี่ยง
- คำถาม ใช่ ไม่ใช่
- คำถามกำกวม
- คำถามชักกะเย่อ
- คำถามให้เดา
- คำถามชี้นำ
วิธีการตั้งคำถามแบบโซเครดิต(Socratic Method)
- เป็นวิธีสอนของนักปราชญ์ชาวกรีก ชื่อโซเครติส วิธีสอนแบบนี้ใช้การตั้งคำถามให้นักเรียนคิดหาคำตอบหรือตอบปัญหาด้วยตนเอง โดยครูจะกระตุ้นให้นักเรียนนึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เคยเรียนแล้ว
- คำถามของครูจะเป็นแนวทางให้นักเรียนคิดค้นหาความรู้ นักเรียนจะเรียนด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง และเป็นการเสริมสร้างสติปัญญาให้ทุกคนรู้จักแสดงความคิดเห็น อภิปรายแล้วสรุปความคิดเห็นลงในแนวเดียวกัน วิธีสอนแบบนี้เหมาะสำหรับนักเรียนที่ชอบใช้ความคิดค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งต่างๆ
Socratic questioning มี 6 แบบ
- Tell me more: ขอความกระจ่าง
- Probe assumption: ขอข้อสรุป
- Reason ขอเหตุผล
- View point & Perspectives ถามมุมมองแง่อื่นและแนวคิด
- Implication & Consequence การนำไปใช้และคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น
- คำถามเกี่ยวกับคำถาม เป็นคำถามขั้นสูง --- รู้มั้ยทำไมถามแบบนี้
ข้อคิด
- คำถาม สำหรับนักศึกษาเก่ง ไม่เก่ง
- การตั้งคำถาม เมื่อมีนักศึกษาอยู่ด้วยกันหลายชั้นปี
- การตั้งคำถาม เมื่อสอนที่ข้างเตียงผู้ป่วย
สรุป
** เทคนิคการสอนแบบใช้คำถาม 3 อย่าง
** เทคนิคการสอนแบบใช้คำถาม 3 อย่าง
- ทำบรรยากาศให้ดี เป็นมิตร ปลอดภัย
ASA (attentive, smile, acknowledge) - เลือกคำถามที่ดี
WHY, HOW ใช้คำถามปลายเปิด ให้นักศึกษาคิดคำตอบเอง guide ให้ใช้ Basic Knowledge - ใช้เทคนิคดี
Pose – Pause – Pounce
** วิธีการตั้งคำถามแบบโซเครติค
การตั้งคำถามระดับสูงจะทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดระดับสูง และเป็นคนมีเหตุผล ผู้เรียนไม่เพียงแต่จดจำความรู้ ข้อเท็จจริงได้อย่างเดียวแต่สามารถนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหา วิเคราะห์ และประเมินสิ่งที่ถามได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจสาระสำคัญของเรื่องราวที่เรียนได้อย่างถูกต้องและกระตุ้นให้ผู้เรียนค้นหาข้อมูลมาตอบคำถามด้วยตนเอง
การตอบคำถามระดับสูง ผู้สอนต้องให้เวลาผู้เรียนในการคิดหาคำตอบเป็นเวลามากกว่าการตอบคำถามระดับพื้นฐาน เพราะผู้เรียนต้องใช้เวลาในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งและมีวิจารณญาณในการตอบคำถาม ความผิดพลาดอย่างหนึ่งของการตั้งคำถามคือ การถามแล้วต้องการคำตอบในทันทีโดยไม่ให้เวลาผู้เรียนในการคิดหาคำตอบ
การตั้งคำถามระดับสูงจะทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดระดับสูง และเป็นคนมีเหตุผล ผู้เรียนไม่เพียงแต่จดจำความรู้ ข้อเท็จจริงได้อย่างเดียวแต่สามารถนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหา วิเคราะห์ และประเมินสิ่งที่ถามได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจสาระสำคัญของเรื่องราวที่เรียนได้อย่างถูกต้องและกระตุ้นให้ผู้เรียนค้นหาข้อมูลมาตอบคำถามด้วยตนเอง
การตอบคำถามระดับสูง ผู้สอนต้องให้เวลาผู้เรียนในการคิดหาคำตอบเป็นเวลามากกว่าการตอบคำถามระดับพื้นฐาน เพราะผู้เรียนต้องใช้เวลาในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งและมีวิจารณญาณในการตอบคำถาม ความผิดพลาดอย่างหนึ่งของการตั้งคำถามคือ การถามแล้วต้องการคำตอบในทันทีโดยไม่ให้เวลาผู้เรียนในการคิดหาคำตอบ
สรุป
1). “การตั้งคำถามในการสอน (Questioning in Teaching) ควรจะใช้เมื่อไหร่”
- ใช้เฉพาะเวลา discussion ปัญหาที่เตียงผู้ป่วย, bedside teaching, มีการนำผู้ป่วยเข้ามามีส่วนร่วมในการถามคำถามและตอบคำถามด้วยระหว่างจัดการเรียนการสอน
- ใช้เฉพาะเวลา discussion ปัญหาที่เตียงผู้ป่วย, bedside teaching, มีการนำผู้ป่วยเข้ามามีส่วนร่วมในการถามคำถามและตอบคำถามด้วยระหว่างจัดการเรียนการสอน
2.) “ มีอาจารย์ท่านใดใช้คำถามในการสอน (Questioning in Teaching) แบบนี้ในการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติบ้างหรือไม่ ”
- มีอาจารย์ 3 ท่าน ที่ใช้คำถามในการสอน (Questioning in Teaching) แบบนี้ในการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติ คือ รศ.ปราณี ทู้ไพเราะ, อ.ดร.ศรินรัตน์ ศรีประสงค์ และผศ.ดร.ศรัณยา โฆสิตะมงคล
- ได้มีการนำไปใช้ในการเรียนการสอนจริง แต่ใช้ไม่เต็มรูปแบบ
- มีการตั้งคำถามในการเรียนการสอน
- ถ้าพบว่าถามคำถามแล้วนักศึกษากลุ่มใหญ่ไม่ตอบคำถาม อาจารย์จะถามเป็นรายบุคคลแทน หรือให้พี่ปี 4 เป็นผู้ตอบคำถามแทนน้องปี 3
- แต่ถ้าอาจารย์ถามคำถามแล้วนักศึกษาตอบไม่ได้ทั้งนักศึกษาปีที่ 4 และปีที่ 3 อาจารย์จะเป็นผู้ตอบและเฉลยให้กับนักศึกษา
- มีอาจารย์ 3 ท่าน ที่ใช้คำถามในการสอน (Questioning in Teaching) แบบนี้ในการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติ คือ รศ.ปราณี ทู้ไพเราะ, อ.ดร.ศรินรัตน์ ศรีประสงค์ และผศ.ดร.ศรัณยา โฆสิตะมงคล
- ได้มีการนำไปใช้ในการเรียนการสอนจริง แต่ใช้ไม่เต็มรูปแบบ
- มีการตั้งคำถามในการเรียนการสอน
- ถ้าพบว่าถามคำถามแล้วนักศึกษากลุ่มใหญ่ไม่ตอบคำถาม อาจารย์จะถามเป็นรายบุคคลแทน หรือให้พี่ปี 4 เป็นผู้ตอบคำถามแทนน้องปี 3
- แต่ถ้าอาจารย์ถามคำถามแล้วนักศึกษาตอบไม่ได้ทั้งนักศึกษาปีที่ 4 และปีที่ 3 อาจารย์จะเป็นผู้ตอบและเฉลยให้กับนักศึกษา
3.) “ ระยะเวลาที่ใช้ในการให้เวลานักศึกษาในการคิดคำตอบ อย่างน้อย 10 วินาที หรือไม่ ”
- อาจารย์ทั้ง 3 ท่าน คือ รศ.ปราณี ทู้ไพเราะ, อ.ดร.ศรินรัตน์ ศรีประสงค์ และผศ.ดร.ศรัณยา โฆสิตะมงคล แจ้งว่า ไม่ได้ใช้ เนื่องจากถ้านักศึกษาตอบคำถามไม่ได้ ก็จะให้เพื่อนคนอื่นตอบแทนไปเรื่อยๆ อาจารย์ไม่ได้รอให้นักศึกษาใช้เวลาในการคิดคำตอบ อย่างน้อย 10 วินาที
- อาจารย์ทั้ง 3 ท่าน คือ รศ.ปราณี ทู้ไพเราะ, อ.ดร.ศรินรัตน์ ศรีประสงค์ และผศ.ดร.ศรัณยา โฆสิตะมงคล แจ้งว่า ไม่ได้ใช้ เนื่องจากถ้านักศึกษาตอบคำถามไม่ได้ ก็จะให้เพื่อนคนอื่นตอบแทนไปเรื่อยๆ อาจารย์ไม่ได้รอให้นักศึกษาใช้เวลาในการคิดคำตอบ อย่างน้อย 10 วินาที
4.)“ถ้านักศึกษาตอบคำถามในการเรียนการสอน (Questioning in Teaching) ไม่ได้ อาจารย์ทำอย่างไรบ้าง”
- เรียกให้นักศึกษาคนอื่นตอบแทน หรือให้นักศึกษาคนอื่นช่วยกันตอบ ถ้าทั้งกลุ่มตอบไม่ได้จริงๆ อาจารย์จะเป็นผู้ตอบและเฉลยให้กับนักศึกษา
- เรียกให้นักศึกษาคนอื่นตอบแทน หรือให้นักศึกษาคนอื่นช่วยกันตอบ ถ้าทั้งกลุ่มตอบไม่ได้จริงๆ อาจารย์จะเป็นผู้ตอบและเฉลยให้กับนักศึกษา
5.)“ ถ้านักศึกษาที่เก่งแย่งตอบคำถามหมด และนักศึกษาที่อ่อนไม่ตอบคำถามเลย อาจารย์จะทำอย่างไร ” - จะถามนักศึกษาที่อ่อนก่อน โดยใช้คำถามง่ายๆ และถ้านักศึกษาตอบผิดหรือตอบไม่ได้ จะไม่มีการดุหรือตำหนินักศึกษา และอาจารย์จะใช้คำถามที่ยากขึ้นในนักศึกษาที่มีความรู้ระดับกลางๆ และนักศึกษาที่มีความรู้ระดับสูงหรือเก่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น